วันอาทิตย์ที่ 2 กันยายน พ.ศ. 2555

ทายาทกระทิงแดงชนตำรวจดับ

ผบช.น. รุดตรวจสอบบ้าน เฉลิม อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจกระทิงแดง หารถหรูที่ชนดาบตำรวจเสียชีวิต  หลังพบคราบน้ำมันเครื่องเป็นทางยาวเข้าบ้าน ล่าสุด ลูกชายเฉลิม อยู่วิทยา เข้ามอบตัวแล้ว
 
เช้า วันนี้ (3 กันยายน) เวลา 05.30 น. ดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 40 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สน.ทองหล่อ ถูกรถสปอร์ตสีดำ พุ่งชนขณะขับรถจักรยานยนต์ออกตรวจบนถนนสุขุมวิท ช่วงปากซอย 47 โดยผู้เห็นเหตุการณ์ได้เล่าว่า รถคันที่ก่อเหตุเป็นรถสปอร์ตหรูสีดำ หลังจากพุ่งชนได้ลากศพ พร้อมรถจักรยานยนต์ไปไกลกว่า 200 เมตร เมื่อมาถึงปากซอยสุขุมวิท 49 รถสปอร์ตคันดังกล่าวได้พยายามขับรถส่ายจนร่างของดาบตำรวจวิเชียรกระเด็นออก มาก่อนเสียชีวิตคาเครื่องแบบ

หลัง เกิดเหตุ ตำรวจ สน.ทองหล่อ ได้ตรวจสอบพบคราบน้ำมันเครื่องที่คาดว่าจะเป็นของรถคันที่ก่อเหตุ หยดไหลไปตามทางเข้าไปในซอยสุขุมวิท 53 ตรงกับคำให้การของพยาน ซึ่งตำรวจกำลังปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวที่มีเนื้อที่กว่า 3 ไร่ ไว้ โดยพบว่าเป็นบ้านของของ นายเฉลิม อยู่วิทยา ทายาทธุรกิจกระทิงแดง

ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ได้เข้าไปสอบสวนข้อเท็จจริงภายในบ้าน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในแต่อย่างใด ขณะที่บริเวณหน้าบ้านพบคราบน้ำมันเครื่องเป็นทางยาวจากปากซอยเข้าไปใน บ้านอย่างชัดเจน โดยมีรายงานว่า รถยนต์คันดังกล่าวนั้นยังคงจอดอยู่ภายในบ้านด้วย

ภาย หลัง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า รถยนต์คันก่อเหตุยังคงจอดอยู่ในบ้าน แต่ยังไม่มีข้อมูลว่าผู้ใดเป็นคนขับ หลังจากนี้ต้องรอผู้ที่ก่อเหตุตัวจริงเดินทางเข้ามอบตัว แต่หากไม่เข้ามอบตัว ก็จะนำหมายศาลพร้อมกำลังตำรวจ 300 นาย บุกเข้าตรวจค้น เนื่องจากมีหลักฐานชัดเจน ทั้งรอยคราบน้ำมันรถ และพยานที่เห็นเหตุการณ์ซึ่งขับรถตามรถคันก่อเหตุเข้าด้วย

ทั้ง นี้ ผบช.น. ได้ประกาศว่า จะต้องติดตามจับกุมคนร้ายตัวจริงให้ได้ เนื่องจากผู้ใต้บังคับบัญชาเสียชีวิต และหากยังไม่ได้ตัวคนร้าย ตนก็พร้อมจะลาออกจากตำแหน่ง เพราะยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไปฟรี ๆ ไม่ว่าคนในบ้านจะใหญ่ขนาดไหน ก็ต้องนำผู้ต้องหามาดำเนินคดีให้ได้

และ ล่าสุดมีรายงานว่า ลูกชายของนายเฉลิม อยู่วิทยา ได้เข้ามอบตัวต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว หลังจากขับรถชนดาบตำรวจ สน.ทองหล่อ จนเสียชีวิต ซึ่งความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น